เมนู

การให้ถือในระหว่างพ้นจากนั้น พึงให้ถือในวันต่อจากวันปวารณา คือแรม
1 ค่ำ เพื่ออยู่จำพรรษาต่อไป การให้ถือเสนาสนะมี 3 อย่างนี้แล.
ภาณวาร ที่ 2 จบ

เรื่องพระอุปนันทะหวงกันเสนาสนะไว้ 2 แห่ง


[283] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระอุปนันทศากยบุตร ถือเสนาสนะ
ไว้ในเขตพระนครสาวัตถีแล้ว ได้ไปสู่อาวาสใกล้ตำบลบ้านแห่งหนึ่ง และได้
ถือเสนาสนะในอาวาสนั้นอีก จึงภิกษุเหล่านั้น ปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลาย ท่าน
พระอุปนันทศากยบุตรรูปนี้ เป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อการ
วิวาท ก่อความอื้อฉาว ก่ออธิการณ์ในสงฆ์ ถ้าเธอจักอยู่จำพรรษาในอาวาสนี้
พวกเราทุกรูปจักอยู่ไม่ผาสุก มิฉะนั้น เราจะถามเธอ จึงภิกษุเหล่านั้นได้ถาม
ท่านพระอุปนันทศากยบุตรว่า ท่านอุปนันทะ ท่านถือเสนาสนะในพระนคร
สาวัตถีแล้ว มิใช่หรือ.
อ. ถูกละ ขอรับ.
ภ. ท่านอุปนันทะ ก็ท่านรูปเดียว เหตุไรจึงหวงกันเสนาสนะไว้ถึง
สองแห่งเล่า.
อ. ผมจะละที่นี้ไปเดี๋ยวนี้ละ ขอรับ จะถือเอาที่พระนครสาวัตถีนั้น
บรรดาภิกษุทำเป็นผู้มักน้อย สันโดษ ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุปนันทศากยบุตรรูปเคียว จึงได้หวงกันเสนาสนะ
ไว้ถึงสองแห่งแล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ... ทรงสอบถามว่า
ดูก่อนอุปนันทะ ข่าวว่า เธอรูปเดียวหวงกันเสนาสนะไว้ถึงสองแห่ง จริงหรือ.
ท่านพระอุปนันทศากยบุตรทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.